5 ขั้นตอน เริ่มต้นวางแผนธุรกิจ SME ให้ปังตั้งแต่แรก

การเริ่มต้นธุรกิจ SME ในปัจจุบัน ไม่ใช่แค่มีไอเดีย ก็สามารถทำได้ แต่ต้องมีการวางแผนธุรกิจให้ชัดตั้งแต่แรก เพื่อจะได้สามารถเดินธุรกิจได้อย่างถูกทางตั้งแต่วันแรก ไม่ว่าจะเป็นการขายของออนไลน์ เปิดร้านอาหาร หรือบริการเฉพาะทาง ถ้ามีการวางแผนมาอย่างดีและชัดเจน ก็มีโอกาสที่ธุรกิจจะเติบโตได้อย่างมั่นคง และในบทความนี้ เราจะมาพูดถึง 5 ขั้นตอน ที่ช่วยเริ่มต้นวางแผนธุรกิจ SME ให้ปังตั้งแต่แรก ทำได้อย่างไรบ้าง มาดูกัน

5 ขั้นตอนเริ่มต้นวางแผนธุรกิจ SME

1. วิเคราะห์ตลาดและกลุ่มเป้าหมาย (Market Research)

ในขั้นตอนแรกก่อนเริ่มต้นวางแผนธุรกิจ SME สิ่งหนึ่งที่ต้องรู้ก่อนก็คือ ตลาด และ ลูกค้า ของธุรกิจตัวเอง ดังนั้น การวิเคราะห์ตลาดและกลุ่มเป้าหมาย จึงเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด เพราะช่วยให้คุณเข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไรจริงๆ และนี่คือสิ่งที่ควรทำในการวิเคราะห์การตลาดก่อนเริ่มต้นวางแผนธุรกิจ SME

1. ศึกษาความต้องการของลูกค้า
   ลูกค้าจะเดินเข้ามาหาเราก็ต่อเมื่อเขาต้องการเสมอ ดังนั้น ควรศึกษาความต้องการของลูกค้าก่อน ปัญหาที่ลูกค้าเจอ เราสามารถแก้ไขให้ได้ไหม เทรนด์สินค้าอะไรที่ในช่วงนี้มาแรงและตรงตามความต้องการ โดยอาจจะหาเครื่องมือหรือวิธีการที่จะได้ข้อมูลเหล่านั้นมา เช่น แบบสอบถามออนไลน์, สัมภาษณ์ลูกค้า, ดูรีวิวสินค้าของคู่แข่งในแพลตฟอร์มต่างๆ เป็นต้น
2. วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค
   ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ มีลักษณะอย่างไร พฤติกรรมในการซื้อเป็นอย่างไร ชอบซื้อสินค้าผ่านช่องทางไหน และให้ความสำคัญกับอะไรเป็นพิเศษ เช่น ตัวสินค้า, ราคา, คุณภาพ เป็นต้น วิเคราะห์พฤติกรรมเหล่านี้ เพื่อทำความรู้จักพวกเขาให้มากที่สุด
3. สำรวจขนาดและแนวโน้มของตลาด
   สิ่งสำคัญที่ควรทำก็คือการสำรวจแนวโน้มตลาด ว่าตลาดที่กำลังลงไป มีขนาดใหญ่แค่ไหน ตลาดกำลังเติบโตหรือถดถอย สินค้าหรือบริการเหมาะกับการลงตลาดในฤดูนี้ไหม โดยต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเทรนด์ทั่วโลก หรือ รายงานการตลาดจากเว็บไซต์ต่างประเทศ หาข้อมูลเพื่อให้เข้าใจจริงๆ ว่าถ้าลงไปในตลาดแล้ว จะสามารถขายได้จริงๆ

หลังจากได้ข้อมูลมาแล้ว ควรใช้เครื่องมือทางการตลาดมาช่วยวิเคราะห์เพิ่มเติม เช่น SWOT Analysis เพื่อวิเคราะห์ จุดแข็ง, จุดอ่อน, โอกาส และภัยคุกคาม เป็นต้น การวิเคราะห์ตลาดและกลุ่มเป้าหมายที่ดี จะทำให้เราไม่ต้องเสี่ยงเดาใจลูกค้า และสามารถออกแบบสินค้า การตลาด และช่องทางการขายได้อย่างแม่นยำ

2. กำหนดเป้าหมาย วิสัยทัศน์ และจุดยืนของธุรกิจ

การกำหนดเป้าหมาย วิสัยทัศน์ และจุดยืนของธุรกิจ เปรียบเสมือนการตั้งเข็มทิศให้ธุรกิจเดินไปข้างหน้าได้อย่างมีเป้าหมาย มีแรงบันดาลใจ และมีตัวตนที่ชัดเจนในสายตาลูกค้า เป้าหมายธุรกิจควรถูกกำหนดอย่างมีระบบ และวัดผลได้ ธุรกิจส่วนใหญ่มักนิยมใช้ SMART Goals มาเป็นเกณฑ์ในการกำหนดเป้าหมาย และต้องตั้งวิสัยทัศน์ด้วย เพราะวิสัยทัศน์ คือภาพในอนาคตที่อยากให้ธุรกิจเป็น และเมื่อสื่อสารออกไป ต้องให้ลูกค้า พนักงาน และพันธมิตรต่างๆ เชื่อใจและอยากร่วมเดินทางไปกับธุรกิจเราด้วย

และอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรลืมเลยก็คือ การกำหนดจุดยืนของธุรกิจ หรือ Brand Positioning ให้ชัดเจน จุดยืนของแบรนด์ ควรมาคู่กับ จุดขายที่แตกต่าง สิ่งที่ลูกค้าหาไม่ได้จากคู่แข่ง หรือเป็นสิ่งที่เราให้ได้มากกว่า เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบออร์แกนิก 100% ที่รับรองโดยฟาร์มไทย เป็นต้น การมีจุดยืน จะทัชใจลูกค้าได้ง่าย และลูกค้าจดจำธุรกิจเราได้มากขึ้นด้วย

3. วางแผนการเงินและคำนวณต้นทุน

การวางแผนการเงิน เป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ธุรกิจสามารถเดินต่อไปได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น ที่ธุรกิจมีเงินทุนจำกัด การวางแผนการเงินว่า ต้องใช้เงินกับอะไร เท่าไหร่ และต้องขายแค่ไหนถึงจะคุ้มทุน จะช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจลงทุนและลดโอกาสในการล้มเหลวได้มากขึ้นด้วย สุดท้าย อย่าลืมเตรียมแหล่งเงินทุน เพื่อมาลงทุนสำหรับธุรกิจนี้ 

4. ออกแบบสินค้า/บริการ และโมเดลธุรกิจ

หลายท่านที่กำลังเริ่มต้นทำธุรกิจ SME มักมีไอเดียหรือมีสินค้าในใจอยู่แล้ว แต่เรื่องที่หลายคนมองข้ามก็คือ การออกแบบสินค้า ให้ตอบโจทย์การตลาดจริงๆ และการวางโมเดลธุรกิจ ให้สามารถดำเนินการได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่ขายได้ในวันแรก แต่ต้องต่อยอด ขยาย สร้างรายได้ระยะยาว

พร้อมทั้งออกแบบโมเดลธุรกิจ ให้ธุรกิจสามารถดำเนินได้จริง ซึ่งเครื่องมือที่นิยมนำมาใช้ ก็คือ Business Model Canvas (BMC) ที่มีองค์ประกอบหลัก 9 หลัก ได้แก่

1. Customer Segment กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณ
2. Value Proposition คุณค่า/ประโยน์ที่แบรนด์เสนอ
   
3. Channels ช่องทางการขาย เช่น ออนไลน์, ออฟไลน์ เป็นต้น
   
4. Customer Relationships วิธีดูแลลูกค้า บริการหลังการขาย
   
5. Revenue Streams รายได้มากจากไหน เช่น การขายสินค้า, การให้บริการรายเดือน เป็นต้น
   
6. Key Resources ทรัพยากรหลัก เช่น สต็อก, ทีมงาน, ระบบไอที เป็นต้น
   
7. Key Activities กิจกรรมหลักที่ต้องทำสำหรับธุรกิจ
   
8. Key Partner พาร์ตเนอร์สำคัญต่างๆ
   
9. Cost Structure โครสร้างต้นทุน เช่น ค่าโฆษณา, ค่าเช่า, ค่าแรง เป็นต้น

การวาง Business Model Canvas ช่วยให้มองเห็นภาพรวมของธุรกิจทั้งระบบ ไม่ใช่แค่ขายของวันต่อวัน แต่ยังวางแผนธุรกิจในอนาคตได้ง่ายขึ้นด้วย การออกแบบสินค้าที่ตอบโจทย์ และวางโมเดลธุรกิจที่ชัดเจน คือหัวใจในการสร้างธุรกิจให้ยั่งยืน 

5. เขียนแผนธุรกิจ (Business Plan)

สุดท้าย หลังจากที่เราศึกษาตลาด สำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค วางแผนการเงินและโมเดลธุรกิจเรียบร้อยแล้ว สิ่งต่อมา คือการเขียนแผนธุรกิจ ที่จะสรุปเป้าหมาย วิธีการ และแนวทางในการดำเนินธุรกิจ ช่วยให้รู้ว่า ต้องทำอะไร เมื่อไหร่ อย่างไร รวมถึงช่วยให้กลุ่มนักลงทุนหรือธนาคารได้เห็นศักยภาพในการดำเนินกาจการของคุณด้วย แผนธุรกิจที่ดี ไม่ต้องยาวมาก แต่ต้องชัดเจน เห็นภาพชัด และต้องนำไปใช้วัดผลและปรับปรุงได้จริง

สรุป

การเริ่มต้นวางแผนธุรกิจ SME ให้ปังตั้งแต่แรก ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ถ้าเริ่มต้นด้วยแผนที่ดีตั้งแต่วันแรก ก็จะเป็นรากฐานที่ช่วยให้เริ่มต้นได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องลองผิดลองถูกโดยไม่จำเป็น และแน่นอน ธุรกิจของเราก็จะแข็งแรงและปังตั้งแต่แรกอย่างแน่นอน


เริ่มต้นวางแผนธุรกิจ SME ไปพร้อมๆ กับเรา SME Marketing Center คลิก

https://www.smemarketingcenter.com/ปรึกษาการทำตลาดออนไลน์